สืบ
เนื่องจากผู้เขียนมีโอกาสรับการอบรมความรู้พื้นฐานด้านการประกันคุณภาพการ
ศึกษา ในวันอังคารที่ 27 กันยายน 2556
อย่างไรก็แล้วแต่อยากจะบอกกับผู้อ่านว่าเรื่องประกันคุณภาพการศึกษานั้นถ้า
ไปถามบุคลากรที่ต้องทำเรื่องพวกนี้บางคนจะส่ายหน้า เอือมระอา
เหมือนถูกบังคับให้ทำ
การ
ศึกษาของไทยโดยภาพรวมระดับมหภาคจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ขั้นพื้นฐาน
นั้นคือการจัดการศึกษาระดับอนุบาล ประถม มัธยม
ขั้นอาชีวะศึกษาและขั้นอุดมศึกษา
ทั้ง 3 ระดับ กฎหมายบังคับให้จัดทำระบบการประกันคุณภาพการศึกษากล่าวคือในขั้นตอนสุดท้ายต้องทำเล่มรายงานเพื่อรับการตรวจประเมิน
การประกันคุณภาพการศึกษามี 2 ประภท ดังนี้
- ประกันคุณภาพภายใน สถานศึกษาจะต้องจัดทำรายงานการจัดการศึกษาทุกปีการศึกษา และรายงานไปยังต้นสังกัด
เช่นการศึกษาระดับอุดมศึกษาส่งผลรายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ส่วนผู้ประเมินประกันคุณภาพการศึกษา
จะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประเมินคุณภาพการศึกษา
- ประกันคุณภาพภายนอก การประกันคุณภาพประเภทนี้ กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานชื่อสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) จะประเมินทุก 5 ปี
จะ
ว่าไปแล้วระบบการประกันคุณภาพการศึกษา
เป็นการกำหนดให้สถานศึกษาต้องปฏิบัติตามเกณฑ์หรือตัวชี้วัดซึ่งถูกกำหนดโดย
หน่วยงานต้นสังกัดและสมศ. เช่นถ้าเป็นการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ตัวชี้วัดจะถูกกำหนดโดย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
และสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)
เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนดให้รายงาน ผู้ประเมินจะ
ไล่แต่ละตัวบ่งชี้ แต่ละเกณฑ์ โดยตรวจเอกสารหลักฐานที่สถานศึกษาจัดทำขึ้น
แล้วก็ให้คะแนน บทสุดท้ายก็จะสรุปออกมาว่าได้คะแนนเท่าไหร่
แล้วมาเทียบกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เปรียบเทียบเสร็จก็จะได้คำตอบว่า
สถานศึกษานั้นคุณภาพการศึกษาอยู่ในระดับใด
ภาพจากอินเทอร์เน็ต
ใน
การรับการตรวจประเมินภายในนั้น
การให้คุณให้โทษไม่รุนแรงเท่าการรับการตรวจประเมินภายนอก
ซึ่งกฎหมายให้อำนาจสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)
สั่งให้สถานศึกษาที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ผ่านเกณฑ์ งดรับนิสิตนักศึกษา หรือมิให้นิสิตนักศึกษามีสิทธิได้กู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อการศึกษา แต่ ณ ปัจจุบัน ยังไม่เห็นมาตรการลงโทษดังกล่าว
ส่วน
สาเหตุที่บุคลากรที่ต้องทำเรื่องพวกนี้บางคนจะส่ายหน้า เอือมระอานั้น
อาจเป็นเพราะต้องเหนื่อยในการรวบรวมเอกสาร หลักฐานตามตัวบ่งชี้หรือตามเกณฑ์
ซึ่งบางครั้งไม่มี ถ้าปล่อยให้ไม่มี คะแนนก็ไม่ได้
ผลลัพธ์ออกมาอาจไม่ผ่านเกณฑ์ หรือได้คะแนนประเมินต่ำ
เพื่อ
ให้เห็นภาพรวมผู้เขียนขอสรุปเกณฑ์หรือตัวชี้วัดในการประกันคุณภาพการศึกษา
เฉพาะระดับอุดมศึกษาเท่านั้น
เพื่อให้มองเห็นว่ามันยากแค่ไหนในการทำประกันคุณภาพการศึกษา
การประกันคุณภาพภายใน มี 9 องค์ประกอบหลัก 1 องค์ประกอบเพิ่ม
- องค์
ประกอบที่ 1 ปรัชญา ปณิธาน วัตถุประสงค์ และแผนการดำเนินการ
มีเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม 1 เกณฑ์ หรือเรียกว่าตัวบ่งชี้
ข้อนี้จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ว่ายาก ที่ว่าง่ายเพราะปรัชญา ปณิธาน
วัตถุประสงค์ และแผนการดำเนินการ สถาบันระดับอุดมศึกษาทำอยู่แล้วเป็นปกติ แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียนมีสถาบันการศึกษาบางคณะ บางหน่วยงาน ขาดแผนการดำเนินการ (การทำงานขึ้นอยู่กับอธิการ)
- องค์ประกอบที่ 2 การผลิต มี
เกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม 13 เกณฑ์ หรือ13 ตัวบ่งชี้
ถ้าสถาบันอุดมศึกษาใดเน้นผลิตบัณฑิต องค์ประกอบนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ
ไล่ไปตั้งแต่การเปิด การปิดหลักสูตร การบริหารหลักสูตร คุณภาพของอาจารย์
วัสดุอุปกรณ์ ภาวการณ์ได้งานทำของบัณฑิต การพัฒนาอาจารย์ จาก
ประสบการณ์ส่วนตัว
องค์ประกอบนี้ส่วนมากตัวฉุดคะแนนให้ลดลงคือคุณภาพของอาจารย์ นั้นคือ
อาจารย์ประจำที่มีคุณวุฒิปริญญาเอก,ตำแหน่งทางวิชาการ นั้นคือถ้ามีตำแหน่ง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ จำนวนมาก
คะแนนที่ได้ยิ่งสูง ,ผลงานตีพิมพ์ของนิสิตปริญญาโท ปริญญาเอก
ถ้าเปิดสอนถึงระดับปริญญาโท ปริญญาเอก
แล้วจำนวนผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์หรือเผยแพร่น้อย คะแนนก็จะน้อยตาม
- องค์ประกอบที่ 3 กิจกรรมการพัฒนานิสิต มี
เกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม 2เกณฑ์ หรือ 2 ตัวบ่งชี้
คือมีระบบและกลไกการให้คำปรึกษาและบริการข้อมูลข่าวสาร,
ระบบและกลไกการส่งเสริมกิจการนิสิต องค์ประกอบนี้ส่วนใหญ่จะได้คะแนนเต็ม ทำได้อยู่แล้ว
- องค์
ประกอบที่ 4 เกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม 6 เกณฑ์ หรือ 6 ตัวบ่งชี้
ประกอบด้วยระบบและกลไกการพัฒนางานวิจัยหรืองานสร้างสรรค์,ระบบและกลไกจัดการ
ความรู้จากงานวิจัยหรืองานสร้างสรรค์,เงินสนับสนุนงานวิจัยและงานสร้างสรรค์
ต่อจำนวนอาจารย์ประจำและนักวิจัยประจำ,งานวิจัยหรืองานสร้างสรรค์ที่ได้รับ
การตีพิมพ์หรือเผยแพร่,งานวิจัยหรืองานสร้างสรรค์ที่นำไปใช้ประโยชน์และผล
งานวิชาการที่ได้รับการรับรองคุณภาพ จาก
ประสบการณ์องค์ประกอบนี้จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก
จะได้คะแนนเต็มก็แสนได้ง่าย จะได้คะแนนเต็มก็แสนได้ยาก
เพราะว่าถ้าสถาบันการศึกษาใดหาเงินทุนวิจัยได้มาก ซึ่ง
ขึ้นอยู่กับอาจารย์ด้วยถ้าอาจารย์มีความสามารถเขียนโครงการขอเงินทุนวิจัย
จากภายนอกเช่น สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
ซึ่งจะมีหนังสือไปยังสถาบันการศึกษาให้ขอทุนวิจัยอยู่แล้ว ฉะนั้น
ผลงานวิจัยก็มีมาก และมีโอกาสนำงานวิจัยส่งไปตีพิมพ์
แค่นี้ก็ได้คะแนนเต็มแล้ว แต่ถ้าสถาบันการศึกษาใดก้มหน้าก้มตาสอน
ไม่ได้ทำวิจัย ไม่ได้ขอทุนสนับสนุนวิจัย องค์ประกอบนี้มีโอกาสได้คะแนนต่ำ
ตกเกณฑ์แน่นอน
- องค์
ประกอบที่ 5 การบริการวิชาการแก่สังคม เกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม 4เกณฑ์ หรือ 4
ตัวบ่งชี้
ประกอบด้วยระบบและกลไกการบริการทางวิชาการแก่สังคม,กระบวนการบริการวิชาการ
ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม,ผลการนำความรู้และประสบการณ์จากการให้บริการ
วิชาการมาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนและ/หรือการวิจัยและผลการเรียนรู้และ
เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนหรือองค์กรภายนอก จากประสบการณ์องค์ประกอบจะได้คะแนนเต็ม ชิวชิว
- องค์ประกอบที่ 6 การทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม เกณฑ์
ที่ต้องปฏิบัติตาม 3 เกณฑ์ หรือ 3 ตัวบ่งชี้
ประกอบด้วยระบบและกลไกการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม,การส่งเสริมและสนับสนุน
ด้านศิลปะและวัฒนธรรมและการพัฒนาสุนทรียภาพในมิติทางศิลปะและวัฒนธรรม จากประสบการณ์องค์ประกอบนี้จะได้คะแนนเต็ม ชิวชิว
- องค์
ประกอบที่ 7 การบริหารและการจัดการ เกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม 6เกณฑ์ หรือ 6
ตัวบ่งชี้
ประกอบด้วยภาวะผู้นำของสภาสถาบันและผู้บริหารทุกระดับของสถาบัน,การพัฒนา
สถาบันสู่สถาบันเรียนรู้,ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารและการตัดสินใจการ
ปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของสภาสถาบัน
และการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของผู้บริหารสถาบันจากประสบการณ์องค์ประกอบนี้จะได้คะแนนเต็ม ชิวชิว
- องค์
ประกอบที่ 8 การเงินและงบประมาณ เกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม 1เกณฑ์ หรือ 1
ตัวบ่งชี้ นั้นคือการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของผู้บริหารสถาบัน จากประสบการณ์องค์ประกอบนี้จะได้คะแนนเต็ม ชิวชิว
- องค์
ประกอบที่ 9 ระบบและกลไกการประกันคุณภาพ เกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม 2 เกณฑ์
หรือ 2 ตัวบ่งชี้
ประกอบด้วยระบบและกลไกการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและผลประเมินการประกัน
คุณภาพภายในรับรองโดยต้นสังกัด จากประสบการณ์องค์ประกอบนี้จะได้คะแนนเต็ม ชิวชิว
- องค์
ประกอบที่ 10 อัตลักษณ์ เอกลักษณ์ เกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม 1เกณฑ์ หรือ 1
ตัวบ่งชี้ นั้นคือระดับความสำเร็จของการเป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชน องค์
ประกอบนี้เป็นของใหม่
จากประสบการณ์จำได้ว่าสถาบันการศึกษาแต่ละสถาบันมีการให้เสนออัตลักษณ์
เอกลักษณ์ของสถาบัน และมีการโหวต หรือแจ้งเวียนว่าจะใช้อะไร
เมื่อตกลงได้แน่ชัดแล้วก็กำหนดใช้ในสถาบันต่อไป
นี้
คือรูปร่างหน้าตาของการประกันคุณภาพภายใน เมื่อถึงเวลาที่ต้องรับการประเมิน
จะต้องเขียนเล่มรายงานซึ่งมีแบบฟอร์มการเขียนให้แต่คร่าวๆจะมีบทที่ 1 บทนำ
กล่าวถึงประวัติ ข้อมูลของสถาบันหรือคณะ หรือสาขาวิชา ภาควิชา บทที่ 2
องค์ประกอบ ตัวชี้วัด นั้นคือเขียนทุกองค์ประกอบทุกตัวบ่งชี้
ซึ่งแต่ละองค์ประกอบทุกตัวบ่งชี้จะเขียนผลการปฏิบัติงานว่าได้ทำตามที่ตัว
บ่งชี้กำหนดไว้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น
องค์ประกอบที่ 2 การผลิตบัณฑิต
ตัวบ่งชี้ที่ 2.1 ระบบและกลไกการพัฒนาและบริหารหลักสูตร
ชนิดของตัวบ่งชี้: กระบวนการ
ผู้รับผิดชอบหลัก: ………………………………………………
เกณฑ์มาตรฐาน:
1. มีระบบและกลไกการเปิดหลักสูตรใหม่และปรับปรุงหลักสูตรตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดโดยคณะกรรมการการอุดมศึกษา และดำเนินการตามระบบที่กำหนด
2. มีระบบและกลไกการปิดหลักสูตรตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดโดยคณะกรรมการการอุดมศึกษา และดำเนินการตามระบบที่กำหนด
3. ทุกหลักสูตรมีการดำเนินงานให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา และกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (การ
ดำเนินงานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ หมายถึง
ต้องมีการประเมินผลตามตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานตามประกาศมาตรฐานคุณวุฒิสาขา
หรือสาขาวิชา เพื่อการประกันคุณภาพหลักสูตรและการเรียนการสอน
กรณีที่หลักสูตรใดยังไม่มีประกาศมาตรฐานคุณวุฒิสาขาหรือสาขาวิชา
ให้ประเมินตามตัวบ่งชี้กลางที่กำหนด) สำหรับหลักสูตรสาขาวิชาชีพต้องได้รับการรับรองหลักสูตรจากสภาหรือองค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้องด้วย
(หมายเหตุ: สำหรับหลักสูตรเก่าหรือหลักสูตรปรับปรุงที่ยังไม่ได้ดำเนินการตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติก่อนปีการศึกษา 2555 ให้ยึดตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา พ.ศ. 2548)
4. มีคณะกรรมการรับผิดชอบควบคุมกำกับให้มีการดำเนินการได้ครบถ้วนทั้งข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 ข้างต้นตลอดเวลาที่จัดการศึกษา และมีการประเมินหลักสูตรทุกหลักสูตรอย่างน้อย ตาม
กรอบเวลาที่กำหนดในเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรฯ
กรณีหลักสูตรที่ดำเนินงานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ
จะต้องควบคุมกำกับให้การดำเนินงานตามตัวบ่งชี้ในข้อ 3 ผ่านเกณฑ์การประเมิน 5 ข้อแรกและอย่างน้อยร้อยละ 80 ของตัวบ่งชี้ที่กำหนดในแต่ละปีทุกหลักสูตร
5. มีคณะกรรมการรับผิดชอบควบคุมกำกับให้มีการดำเนินการได้ครบถ้วนทั้งข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 ข้างต้นตลอดเวลาที่จัดการศึกษา และมีการพัฒนาหลักสูตรทุกหลักสูตรตามผลการประเมินในข้อ 4 กรณีหลักสูตรที่ดำเนินงานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ จะต้องควบคุมกำกับให้การดำเนินงานตามตัวบ่งชี้ในข้อ 3 ผ่านเกณฑ์การประเมินครบ ทุกตัวบ่งชี้และทุกหลักสูตร
หมายเหตุ : คณะกรรมการรับผิดชอบ หมายถึง คณะกรรมการที่รับผิดชอบในการเสนอหลักสูตรใหมหรือเสนอปรับปรุงหลักสูตร หรือเสนอปดหลักสูตร และคณะกรรมการที่รับผิดชอบบริหารหลักสูตร ใหเปนไปตามรายละเอียดหลักสูตรที่สภามหาวิทยาลัยอนุมัติ ซึ่งอาจเปนชุดเดียวกันทั้งหมดหรือตางชุดก็ได
เกณฑ์การประเมิน :
คะแนน 1 |
คะแนน 2 |
คะแนน 3 |
คะแนน 4 |
คะแนน5 |
มีการดำเนินการ
1 ข้อ |
มีการดำเนินการ
2ข้อ |
มีการดำเนินการ
3 ข้อ |
มีการดำเนินการ
4 ข้อ |
มีการดำเนินการ
5 ข้อ |
ผลการดำเนินงาน
………………………………………….
เมื่อเขียนผลการดำเนินงานแล้วก็เทียบกับเกณฑ์ข้างต้นว่าทำได้กี่ข้อ ได้กี่คะแนน
รายการหลักฐานอ้างอิง เป็น
การรวบรวมเอกสารใส่แฟ้มไว้ เพื่อให้กรรมการได้ตรวจทานว่า
สิ่งที่คุณเขียนผลการดำเนินงาน มีเอกสารรองรับไหม
ถ้าเอกสารหลักฐานครบก็ได้คะแนนตามที่ตัวเองประเมิน
แต่ถ้าไม่ครบหรือเอกสารไม่ถูกต้องกรรมการก็จะซักถาม หรือให้ข้อเสนอแนะ
ว่าทำเพิ่มหรือปรับปรุงได้ไหม ถ้าไม่ได้กรรมการก็จะขอตัดคะแนนลง
นี้
คือการเขียนรายงานจะเขียนลักษณะนี้ จะเขียนทุกองค์ประกอบทุกตัวบ่งชี้
พร้อมแสดงเอกสารหลักฐานด้วย
การประกันคุณภาพภายในให้เขียนรายงานและตรวจประเมินทุกปีการศึกษา
ภาพจากอินเทอร์เน็ต
การ
ประกันคุณภาพภายนอกซึ่งหน่วยงานสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการ
ศึกษา (สมศ.) เป็นผู้ประเมิน จะประเมินทุก 5 ปี
ซึ่งสถาบันการศึกษาต้องเขียนรายงานเหมือนกัน
ลักษณะการเขียนก็คล้ายๆการประกันคุณภาพภายใน นั้นคือ ส่วนที่ 1
ข้อมูลของสถาบัน ส่วนที่ 2 ผลการดำเนินงานตามตัวบ่งชี้ ส่วนที่ 3
สรุปผลการประเมินตามตัวบ่งชี้ และส่วนสุดท้ายเอกสารหลักฐาน การประกันคุณภาพมี 18 ตัวบ่งชี้
ที่ตั้งชื่อเอนทรี่ว่าการประกันคุณภาพการศึกษา : แค่
ยันต์กันผีหรือช่วยให้การศึกษามีคุณภาพ
นั้นผู้เขียนเปรียบรายงานประกันคุณภาพว่าเป็นยันต์ส่วนผีนั้นคือคณะกรรมการ
ที่มาประเมิน เพราะเหตุใดถึงกล่าวเช่นนั้น
เนื่องจากประสบการณ์ส่วนตัวที่คลุกคลีในการจัดทำรายงานประกันคุณภาพ
จะเห็นว่าพอครบวงรอบที่จะต้องจัดทำเล่มรายงานเพื่อรับการประเมินนั้น
จะเหมือนเทศกาลจัดงานบุญประเพณี
กล่าวคือจะเกิดบรรยากาศความวุ่นวายในการหาเอกสารหลักฐาน การเขียนเล่มรายงาน
ตัวบ่งชี้ไหนที่ไม่มีเอกสารหลักฐานพอที่จะเสกให้มีได้ก็เสกให้มีถ้าเสกไม่
ได้ก็ช่างมัน ยอมที่จะได้คะแนนประเมินต่ำ
พอประเมินเสร็จบรรยากาศก็เข้าสู่ภาวะปกติ
แต่
ก็มีบางสถาบันการศึกษาที่ผู้เขียนเคยสัมผัส จัดระบบงานประกันคุณภาพไว้ดีมาก
เป็นปฏิทินออกมา และจะมีผู้บริหารกำกับ ติดตาม ผลการดำเนินงาน
พอถึงกำหนดที่จะเขียนรายงาน แสดงเอกสารหลักฐาน ก็ยกแฟ้มออกมาให้ตรวจได้เลย
น่าชื่นชมยิ่ง ได้คะแนนแค่ไหนก็เอาแค่นั้น เพราะปฏิบัติงานเต็มศักยภาพแล้ว
สรุปแล้วการประกันคุณภาพเป็นทั้งยันต์กันผีและเพิ่มคุณภาพการศึกษาครับ