ในปี 2556 ในทางการเมืองไทย มีนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ที่พิเศษคือเป็นผู้หญิง ถือว่าเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เป็นผู้หญิงคนแรกที่สามารถก้าวมานั่งในเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หลังจากที่เก้าอี้นี้ถูกผูกขาดโดยผู้ชายในห้วงเวลา 80 กว่าปี ที่ไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไ ตย
ถ้ามองในมุมของอคติ จะเห็นว่าเส้นทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีท่านนี้ได้มาเพราะพี่ชายที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และที่สำคัญจะมองเห็นว่าการเมืองไทยถูกผูกขาดด้วยทุน และตระกูลไม่กี่ตระกูลที่มีการต่อยอดเฉกเช่นการทำธุรกิจ นั้นคือเมื่อทำธุรกิจมีกำไรมากขึ้นก็ขยายหรือแตกสาขาธุรกิจออกไป ในทางการเมืองก็เช่นกัน
เพราะฉะนั้นเมื่อเหลียวหลังมองการเมืองไทยในปี 2555 เป็นช่วงที่ให้โอกาสคณะรัฐมนตรีที่มีผู้หญิงเป็นหัวเรือใหญ่บริหารงาน ต่างก็มีสมญานามมากมายเช่นนายกฯ นกแก้ว ,ปูกรรเชียง แต่เพราะภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีท่านนี้เรียบร้อย ไม่ต่อปากต่อคำ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององครักษ์พิทักษ์นายทีจะลับฝีปากกับผู้ที่วิจารณ์การทำงานของตัวนายกรัฐมนตรี ทำให้การเมืองไทยในปี 2555 ค่อนข้างสงบ ถึงแม้จะมีเผือกร้อนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องกฎหมายปรองดองก็ตาม อันเนื่องจากมาจากกลยุทธ์ถอยเพื่อตั้งรับ ถอยเพื่อดูสถานการณ์ ดูกระแสสังคม
แต่ในปี 2556 โดยเฉพาะปัจจุบันมีกระแสจากสื่อมวลชน ว่าอาจมีการยุบสภา มีการปฏิวัติ ซึ่งเผือกร้อนที่สำคัญคือกฎหมายปรองดอง และเรื่องใหม่เช่น พระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ประกอบกับมีกลุ่มผู้ชุมนุมมารายรอบทำเนียบรัฐบาล เช่นกลุ่มสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เรียกร้องทวงถามถึงการเพิ่มงบให้ได้ร้อยละ 30 ,กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ถ้านายกรัฐมนตรีใช้ความนิ่งสยบปัญหาต่างๆ เหมือนปีที่แล้ว คาดว่าในปี 2556 การเมืองไทยก็จะไม่มีเหตุการณ์ยุบสภา หรือปฏิวัติ
แต่ถ้าดื้อดึง ทำตามใจของกุนซือบางคน เช่นที่ออกมาบอกว่ายังไงต้องเอาอดีตนายกรัฐตรีทักษิณ กลับบ้านให้ได้ ผ่านกฎหมายปรองดอง เพราะตอนหาเสียงได้บอกพี่น้องประชาชนแล้ว ถ้าเอากลับบ้านไม่ได้เลือกตั้งคราวหน้าจะเอาอะไรไปเป็นข้อสัญญากับประชาชน
สรุปแล้วการเมืองไทยปัจจุบัน มีอยู่แค่ ให้อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณกลับประเทศ และกลุ่มไม่ให้
อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณกลับประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น