นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำพารัฐบาลฝ่าคลื่นมรสุมบริหารประเทศไทยมาได้เกือบ 2 ปี ผลงานที่เข้าตาประชาชนก็คือบริหารนโยบายรับจำนำข้าวขาดทุนประมาณ 2.2 แสนล้าน ผลงานที่กำลังเยี่ยมยอดในอนาคตคือแผนการบริหารจัดการน้ำที่เตรียมผลักดันออกกฎหมายกู้เงินประมาณ 2 ล้านล้านบาท ลักษณะการทำงานนิ่งสงบสยบปัญหา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององครักษ์พิทักษ์นาย ถึงแม้จะโดยข้อครหานินทาถึงความอ่อนด้อยประสบการณ์ การทำอะไรเปิ่นๆ คิกขุน่ารัก หรือผิดพลาด ก็ไม่ต่อล้อต่อเถียง ทำให้นำพารัฐบาลไปได้สบายใจเฉิบถึงแม้จะมีกลุ่มเลื่อยขาเก้าอี้แต่ก็แป๊กไปเอง
จะว่าไปแล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีจุดอ่อน 2 จุดที่เป็นสายล่อฟ้าที่ผ่ารัฐบาลให้ตายนั้นคือ คนกับเงิน
คนคือตัวอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่มีหลายกลุ่ม หลายคนแสดงบทฮีโร่จะเป็นสะพานให้ทักษิณ ชินวัตร เดินเหยียบสู่ประตูประเทศไทย ผ่านกฎหมายปรองดอง กฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งถ้าเข้าสภาเมื่อไหร่ กลุ่มต่อต้านทักษิณ ชินวัตร มาแน่ เป็นกฎหมายเรียกแขกชั้นดี กฎหมายนิรโทษกรรมที่นำเสนอก็มีร่างของ ร.ต.อ.เฉลิม ร่างของประชาชน แต่ที่เห็นๆตอนนี้มีฉบับร่างของนายวรชัย เหมะ ที่วิปรัฐบาลมีมติให้นำเข้าสภาวันที่ 7 ส.ค. 2556 ซึ่งเนื้อหาจะนิรโทษกรรมทั้งหมดไม่เลือกสีเลือกข้าง พลันที่มีข่าวนี้ออกมาก็มีการเปิดกลุ่มล้มรัฐบาลนัดระดมพลทุกจังหวัด
เงิน คือ การผลักดันออกพระราชบัญญัติกู้เงินจำนวน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลกังวลว่าเมื่อมันผ่านวาระจนบังคับใช้ มีการนำเงินออกมาใช้ แน่ใจได้อย่างไรว่าเค้กชิ้นโตก้อนนี้มันจะถึงมือประชาชนหรือทำให้ประเทศไทยพัฒนาไปอีกขั้น กลัวว่าจะเป็นเหมือนนโยบายจำนำข้าวที่ขาดทุนย่อยยับ มีการทุจริตมโหฬาร ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน ที่แสนจะตลกคือการขายข้าวจีทูจีราคาซื้อขาย 8 หมื่นบาท แต่จ่ายเป็นเช็ค ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าระดับการซื้อของประเทศเงินแค่ 8 หมื่นทำไมไม่จ่ายเงินสด ทำไมจ่ายเป็นเช็ค
ฉะนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะต้องเลือกเอาระหว่างกำจัดจุดอ่อนทั้ง 2 จุดนี้ออก หรือจะให้ 2 ตัวนี้เป็นฟ้าที่ผ่ารัฐบาล ซึ่งมันเป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เหตุผลเพราะ เรื่องคน ได้สัญญากับคนเสื้อแดงไว้แล้ว ที่ชัดเจนคือรัฐมนตรีท่านหนึ่งถึงกับประกาศก่อนหาเสียงเลือกตั้งว่าจะพาท่านทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านซึ่งผู้เขียนคิดว่านี้คือสัจจะของลูกผู้ชาย พากลับไม่ได้ก็เสียหมา และถ้าพากลับไม่ได้ในการหาเสียงครั้งต่อไปจะเอาเหตุผลอะไรไปหาเสียง(น่าเศร้าไหมครับ ความเจริญของประเทศชาติ ความกินดีอยู่ดี กินอิ่มนอนอุ่นของประชาชนไปไหน ทำไมเป้าหมายสูงสุดของการที่จะได้อำนาจรัฐคือผลประโยชน์ของคนคนเดียว)
ส่วนเหตุผลเรื่องเงิน รัฐบาลก็อ้างว่าการกู้ครั้งนี้จะทำให้ประเทศไทยพัฒนา มีความเจริญ แต่เงินไม่พอ งบการลงทุนมันสูง ต้องกู้เงิน และถ้าเรื่องนี้ทำสำเร็จรับรองว่ารัฐบาลต้องมีผลงานโชว์ เลือกตั้งครั้งต่อไปก็จะอ้างได้ว่านี้ๆ สมัยฉันเป็นรัฐบาลมีผลงานดังนี้นะ เช่น กรณีสนามบินสุวรรณภูมิ เอามาอ้างเป็นผลงานได้เป็นหลายชาติ ทั้งๆที่โครงการนี้เป็นมหากาพย์แห่งการคอรัปชั่น ทีนี้ปัญหามันมีอยู่ว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลไม่ไว้ใจในการกู้มาแล้วใช้เงิน กลัวว่ากู้เงินมาแล้วมันจะเป็นการถลุงงบมากกว่า
กลุ่มที่จองกฐินขับไล่รัฐบาล ณ ตอนนี้มีดังนี้
กลุ่มที่ยุติการชุมนุมคือกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามของเสธ อ้าย
กลุ่มหน้ากากขาว หรือหน้ากาก V
กลุ่มที่ยุติการชุมนุมคือกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามของเสธ อ้าย
กลุ่มหน้ากากขาว หรือหน้ากาก V
กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ
กลุ่มไทยสปริง
แต่ข้อมูลอีกด้านหนึ่งนั้นคือ“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,334 คน ระหว่าง วันที่ 16-20 กรกฎาคม 2556 (คัดมาเฉพาะบางส่วน)
แต่ข้อมูลอีกด้านหนึ่งนั้นคือ“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,334 คน ระหว่าง วันที่ 16-20 กรกฎาคม 2556 (คัดมาเฉพาะบางส่วน)
จากปัญหาต่างๆที่มีมากมายในสังคมไทย “10 เรื่องดีๆ” ที่ คนไทยอยากได้ ณ วันนี้ คือ
อันดับ 1 การเมืองสงบ นักการเมืองไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ร่วมมือกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า 99.25%
อันดับ 2 เศรษฐกิจดี ค้าขายดี ของกินของใช้มีราคาถูก ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 90.29%
อันดับ 3 บ้านเมืองสงบสุข คนไทยรักใคร่สามัคคี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 85.38%
อันดับ 4 ข้าราชการ นักการเมือง มีคุณธรรมจริยธรรม เป็นคนดี ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ทุจริตคอรัปชั่น 84.42%
อันดับ 1 การเมืองสงบ นักการเมืองไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ร่วมมือกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า 99.25%
อันดับ 2 เศรษฐกิจดี ค้าขายดี ของกินของใช้มีราคาถูก ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 90.29%
อันดับ 3 บ้านเมืองสงบสุข คนไทยรักใคร่สามัคคี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 85.38%
อันดับ 4 ข้าราชการ นักการเมือง มีคุณธรรมจริยธรรม เป็นคนดี ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ทุจริตคอรัปชั่น 84.42%
จะเห็นว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ในภาวะก้าวไปข้างหน้าก็ลำบาก ถอยหลังก็ไม่ได้ช่างอึดอัดยิ่งนัก แต่ที่อยู่ได้อยู่ทนถึงแม้จะมีข่าวการนัดระดมพลเพื่อล้มล้างรัฐบาลของกลุ่มต่างๆ ซึ่งดูเหมือนรัฐบาลแขวนอยู่บนเส้นด้าย เข้าเขตอันตรายแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าผลสุดท้ายก็ไปได้เรื่อยๆ เนื่องจากใช้ยุทธวิธีนิ่งสงบสยบปัญหา
ดังนั้นผู้เขียนในฐานะประชาชนคนหนึ่งก็อยากให้การเมืองของไทยสงบ การเดินชุมนุมขับไล่รัฐบาลในหลักการของการปกครองระบอบประชาธิปไตยถือว่าผิดหลักการ หลักการที่ถูกต้องถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว นั้นคือการถอดถอนออกจากตำแหน่ง โดยมีกระบวนการดังนี้
สำหรับผู้มีสิทธิร้องขอให้ถอดถอนจากตำแหน่งไว้มี 2 กรณีด้วยกัน คือ 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้วุฒิสภามีมติถอดถอนบุคคลดังกล่าวออกจากตำแหน่งใด คำร้องขอดังกล่าวต้องระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งกระทำความผิดเป็นข้อๆ ให้ชัดเจน
2. สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภามีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติถอดถอนสมาชิกวุฒิสภาออกจากตำแหน่ง
เมื่อได้รับคำร้องแล้วให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการไต่สวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เมื่อไต่สวนเสร็จแล้วให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทำรายงานเสนอต่อวุฒิสภาโดยในรายงานดังกล่าวต้องระบุให้ชัดเจนว่าข้อกล่าวหาตามคำร้องขอมีมูลหรือไม่เพียงใด มีพยานหลักฐานที่ควรเชื่อได้อย่างไร พร้อมทั้งระบุข้อยุติว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรด้วย
ถ้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ว่าข้อกล่าวหาใดมีมูล นับแต่วันดังกล่าวผู้ดำรงตำแหน่งที่ถูกกล่าวหาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติ แต่ถ้าเห็นว่าข้อกล่าวหาใดไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหานั้นเป็นอันตกไป
เมื่อวุฒิสภาได้รับรายงานจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว ให้ประธานวุฒิสภาจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งสมาชิกวุฒิสภามีอิสระในการออกเสียงลงคะแนนซึ่งต้องกระทำโดยวิธีลงคะแนนลับ มติที่ให้ถอดถอนผู้ใดออกจากตำแหน่ง ให้ถือเอาคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่อยู่ของวุฒิสภา
ผู้ใดถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งหรือให้ออกจากราชการนับแต่วันที่วุฒิสภามีมติให้ถอดถอน และให้ตัดสิทธิผู้นั้นในการดำรงตำแหน่งใดในทางการเมืองหรือในการรับราชการเป็นเวลา 5 ปี มติของวุฒิสถาให้เป็นที่สุดและจะมีการร้องขอให้ถอดถอนบุคคลดังกล่าวโดยอาศัยเหตุเดียวกันอีกมิได้
ลองคิดตามอย่างมีสติและปราศจากอคติ ถ้าปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศจนครบวาระจะมีส่งผลให้ประเทศเจริญก้าวหน้าหรือไม่ และถ้าประเทศไทยไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลจะมีกลุ่มมาเดินขบวนขับไล่ การบริหารประเทศหยุดชะงักความเสียหายตกที่ใคร
แต่ในทางกลับกันถ้าบริหารประเทศโดยคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของคนๆเดียว มีการทุจริตคอรัปชั่น ยื่นถอดถอนตามกระบวนการก็แล้ว แต่ไม่เป็นผลอย่างนี้ถ้ามาเดินขบวนขับไล่รัฐบาลผมคนหนึ่งจะออกมาเดินด้วยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น