และมีคอมเมนต์ต่อท้ายประมาณว่าไม่พอใจ ถึงขั้นใช้คำหยาบคายก็มี ซึ่งถ้ามองในแง่หนึ่งรูปภาพบางรูปก็ขำๆคลายเครียด
แต่การเก็บภาษีคนโสดนั้นในประวัติศาสตร์เคยมีซึ่ง BG พี่ขนฟูเขียนไว้แล้วhttp://www.oknation.net/blog/2279/2013/09/06/entry-2หลังจากอ่านคอมเมนต์ต่างๆ ก็เลยตรวจสอบข่าวสารว่าเรื่องนี้เป็นไปเป็นมาอย่างไร ซึ่งความเป็นไปเป็นมาของเรื่องนี้มีดังนี้
นักวิชาการแนะรัฐ เก็บภาษีคนโสด แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน หลังพบคนไทยปัจจุบันมีครอบครัว-ลูกยาก
การเสวนาในหัวข้อเรื่อง “การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและนโยบายการรองรับในสองทศวรรษหน้า”ที่ มหาวิทยาลัยรังสิต วานนี้ (5ก.ย.นายเทอดศักดิ์ ชมโต๊ะสุวรรณ เลขานุการคณะเศรษฐศาสตร์ และอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวช่วงหนึ่งในการอภิปราย เสนอให้ภาครัฐเรียกเก็บภาษีคนโสด ภาษีคนไม่มีลูก เพื่อกระตุ้นประชาชนให้มีครอบครัว
หวังจะลดภาระงบประมาณการใช้สวัสดิการ และแก้ปัญหาการคาดแคลนแรงงานในประเทศได้อนาคต หลังพบว่าปัจจุบันอัตราการเจริญพันธุ์ของไทยนั้นต่ำมาก เพียง 1.6 ต่อครอบครัว หรือ 1 คู่สมรส มีลูกเพียง 1 คนกว่าเท่านั้น
ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้คนมีลูกน้อย หรือไม่ต้องการมีครอบครัว น่าจะมาจากแนวโน้มสังคมเมืองและเศรษฐกิจที่เติบโตรวดเร็ว เพราะเมื่อเศรษฐกิจดีหนุ่มสาวจะเลือกทำงานเพื่อสร้างฐานะ ความมั่นคงในชีวิตมากกว่าการหาคู่แต่งงานสร้างครอบครัว
ประกอบกับปัจจุบันค่าครองชีพ และต้นทุนในการเลี้ยงดูบุตรสูงขึ้น ทั้งค่าเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล สินค้าข้าวของแพงขึ้น ครอบครัวส่วนใหญ่จึงเลือกมีลูกน้อย เพราะกลัวจะดูแลได้ไม่ดี
ดังนั้นจึงได้เสนอให้ภาครัฐมีมาตราการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นให้คนมีครอบครัว มีบุตร จะได้ป้องกันปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้ในอนาคตและนอกจากนี้ภาครัฐควรออก นโยบาย โครงการลูกคนแรก โดยรัฐช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย การเลี้ยงดูให้กับครอบครัวที่มีลูกคนแรก รวมถึงให้เงินอุดหนุน หรือลดภาษีสำหรับครอบครัวที่มีลูกคน 2 และ 3 เพื่อสร้างแรงจูงใจกระตุ้นให้คนอยากมีลูก มีครอบครัวเพิ่มขึ้น
ที่มาของข้อมูล http://news.mthai.com/general-news/268219.html
สรุป แล้วเป็นแค่การนำเสนอของนักวิชาการเป้าหมายคือเพิ่มแรงงานในประเทศซึ่งแน่ นอนว่าแรงงานจะขาดแคลนแน่นอน และที่สำคัญประเทศไทยกำลังจะกลายเป็นประเทศที่มีคนชราเยอะหรือมีสัดส่วนผู้ สูงอายุที่สูง ที่สำคัญ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะอยู่ในภาวะถูกทอดทิ้งและยากจน
อย่างไรก็แล้วแต่ภาครัฐไม่มีนโยบายนี้แน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น